บางปูเป็นชุมชนมุสลิมเล็ก ๆ มีวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำและป่าชายเลน ณ ตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
พี่น้องบางปูประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านเป็นส่วนใหญ่ เช่น จับปลา จับปูด้วยมือเปล่า เลี้ยงเป็ด ไก่ ค้าขาย ทำนาเกลือ
ทำธุรกิจส่วนตัวสินค้ามือสอง ส่วนใหญ่ไปทำงานนอกชุมชน และในมาเลเซีย เพราะไม่มีอาชีพที่มั่นคงในชุมชน
บางปูเปลี่ยนฐานะจากสุขาภิบาลเป็นเทศบาล โดยตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเทศบาล วันที่ 25 พฤษภาคม 2542
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนที่ 9 ก. คือ เทศบาลตำบลบางปู
บ้านบางปู เดิมชื่อ “บาญา” หรือ กือลอ” มาจากชุมชนแห่งนี้มีตลาดนัดขนาดใหญ่ ณ โรงเรียนบ้านบางปู(ปัจจุบัน) มีพ่อค้าแม่ค้าจากหลายชุมชน เมื่อมีคนถามว่า ไปไหน ผู้ที่มาจับจ่ายของที่เป็นคนไทยพุทธว่า “ไปบาญามา”หมายถึงไปใช้จ่ายของที่ตลาดมา จนในปีพ.ศ.2484 ในสงครามมหาเอเชียบูรพา ชุมชนบางปูเป็นอีกสถานที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในวางแผนจะบุกมาเลเซียผ่านประเทศไทย เมื่อจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ออก “คำวิงวอน” และประกาศกฎหมายหลายฉบับเพื่อให้รายละเอยดเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย “ตามแบบสากลนิยม และประเพณีนิยม” ทำให้ชาว “บาญา” ไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนและทำตามประกาศได้ในเรื่องนี้ ไม่กล้าออกจากบ้านเพราะกลัวความผิดที่ไม่สามารถทำตามคำประกาศ ส่งผลให้การค้าขายในตลาดซบเซา จนต้องเลิกไป และคำวา “บาญา” ได้หายไปตามกาลเวลา และปัจจุบันได้เรียกชื่อว่า “ชุมชนบางปู” มาจากการที่ชุมชนติดกับป่าชายเลน
เนื่องจากชุมชนบางปูมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในป่าชายเลน ทั้งป่าโกงกาง กุ้ง หอย ปู ปลา สาหร่าย นก สมุนไพรต่างๆ โดยแหล่งท่องเที่ยวเกิดขึ้นโดยก่อตั้งกันเองตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 โดยดูพื้นที่ จุดเด่นที่สร้างประโยชน์ได้ ซึ่งมีการรวมกลุ่มของคนในชุมชนแล้วจัดตั้งชุมชนท่องเที่ยวบางปูขึ้น
ป่าชายเลนโกงกางที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในไทย
แลนด์มาร์กใหม่หลังโรงเรียนบ้านบางปู เป็นพื้นที่สาธารณะ มีสนามเด็กเล่น ร้านอาหารต่างๆ
ลานโกงกาง Amazing Bangpu จุดชมวิวรอบอ่าวปัตตานี
//ชุมชนท่องเที่ยวเสน่ห์บางปู //ชุมชนท่องเที่ยวบางปู //ชุมชนท่องเที่ยว Amazing Bangpu
สาหร่ายผมนาง
การนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้กับกิจกรรมของนักท่องเที่ยว เช่น ขนมโบราณ การแกะสลัก การทำกรงนก กุ้งแห้ง เป็นต้น
ข้าวเหนียวหลากสี(ปูโล๊ะกูยิ)