#ชุมชนบานา จังหวัดปัตตานี ชุมชนเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ทั้งยังเป็นแหล่งขุมทรัพย์ทางธรรมชาติ คอยหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนให้ยังดำเนินต่อไป
ด้วยความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมากของอ่าวปัตตานี ที่นี่จึงได้รับการขนานนามว่า อ่าวทองคำ จึงทำให้มีชาวประมงนับพันมาอาศัยอยู่ นำมาซึ่งการรวมกลุ่มกันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันชุมชนบานา ให้กลายเป็นชุมชนต้นแบบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตประมงพื้นบ้านชาวมลายูอย่างใกล้ชิด
ชุมชนบ้านบานา มีที่มาจากภาษาเปอร์เซีย คำว่า “บานา” มีความหมายว่าเมืองท่า โดยในอดีตมีเรือสินค้าจากหลายประเทศ ทั้งฮอลันดา โปรตุเกส จีน และอาหรับ มาลอยลำเพื่อทำการค้าขาย ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงทิ้งร่องรอยประวัติศาสตร์เอาไว้ เป็นโขดหินทรายที่เรือต่าง ๆ บรรทุกมาเพื่อสร้างความสมดุลให้ลำเรือ ก่อนจะเททิ้งและนำสินค้าที่ซื้อจากไทยเข้ามาทดแทน นอกจากชุมชนบานาจะเป็นแหล่งประมงขึ้นชื่อของอ่าวปัตตานีแล้ว หากยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกตั้งแต่เช้าจรดเย็น ได้แก่ สะพานไม้ที่ตั้งอยู่กลางอ่าวปัตตานี ตลอดสองข้างทางผู้มาเยือนจะสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตชุมชนบ้านบานา โดยปกติแล้วช่วงเวลาเช้าและเย็น ที่นี่จะมีผู้คนมาเดินเล่นทอดน่องชมวิวบนสะพานไม้ที่ทอดยาวจากผืนดินเชื่อมต่อกับอ่าวปัตตานี เหมือนเป็นประตูบ้านที่รอเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิต
- ล่องเรือชมวิถีประมงพื้นบ้าน
นั่งเรือประมงมุ่งสู่ท้องทะเลอ่าวไทย เพื่อชมวิถีประมงพื้นบ้านและการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของคนกับธรรมชาติ เหล่านี้ก่อเกิดเป็นความสุขที่แสนเรียบง่าย โอบกอดความเขียวขจีจากป่าโกงกาง รอยยิ้มทักทายของชาวบ้าน บางจังหวะก็อาจจะเห็นฝูงนกน้ำบินฉวัดเฉวียนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ตลอดจนเหล่าบรรดาเด็ก ๆ ที่เตรียมวาดลวดลายคิดท่าโลดโผนก่อนกระโจนลงผืนน้ำ เหล่านี้เป็นเสน่ห์วิถีชีวิตที่ยากจะมีที่ไหนลอกเลียนแบบ
- อิ่มอร่อยกับอาหารจนพุงกาง
มาเยือนชุมชนบานาทั้งที จะไม่ลองกินอาหารพื้นบ้านเห็นทีจะดูว่าเป็นการผิดธรรมเนียมอยู่เสียหน่อย อิ่มหนำสำราญไปกับเมนูอาหารจากวัตถุดิบจากชุมชนที่ทั้งสดและใหม่ เช่น ปลา กุ้ง และหอย ผสานกับฝีมือฉมังจากแม่ครัว กลายเป็นความกลมกล่อม ลองใครได้กินเป็นต้องติดใจทุกราย
- ชิมเกลือหวานของดีแห่งชุมชนบานา
ปัตตานี เป็นพื้นที่เดียวในภาคใต้ที่สามารถทำนาเกลือได้ โดยจะทำการผันน้ำในอ่าว ซึ่งมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มผสมกันเป็นน้ำกร่อย โดยแม่น้ำปัตตานีจะไหลพาเอาแร่ธาตุต่าง ๆ ทำให้ความเข้มข้นของน้ำทะเลจะน้อยกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเกลือปัตตานีถึงเค็มน้อย (แต่ไม่ใช่รสหวาน) และยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย เหล่านี้เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดมานับตั้งแต่บรรพบุรุษ ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำเอาเกลือหวานไปปรุงอาหาร อย่างการนำมาหมักปลาทำน้ำบูดู ทำปลาแห้ง ดองผักและผลไม้ หรือจะนำไปทำสะตอดอง ก็จะได้ความกรอบ มัน เนื้อไม่เละ และยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชน อย่าง “เกลือขมิ้นบานา” และ “เกลือบานาสปาขัดผิว” ทั้งนี้ การทำนาเกลือของชาวปัตตานี ยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน
หลากหลายกิจกรรมท่องเที่ยว ณ ชุมชนบานา นอกจากความสุขทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว หากยังเป็นการสะท้อนถึงการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มของชาวบ้าน เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตจากแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนนำมาสู่ความสามัคคีของชุมชน อันเป็นรากฐานสำคัญของสันติสุข และนี่คือสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นจากวิถีวัฒนธรรมชุมชนที่ผูกพันกับวิถีชีวิตอย่างแนบแน่น กลายเป็นเสน่ห์ที่สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนทุกคน
-----------------------------------
ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์ bana.go.th
เว็บไซต์ pattanipao.go.th
เฟซบุ๊ก งานประชาสัมพันธ์ อบจ.ปัตตานี